สำหรับท่านที่เคยลองกล้องใช้แล้วทิ้งมาก่อน คงจะได้รู้จักกล้องของหลายยี่ห้อ อย่าง Fuji Simple Ace, Agfa Lebox, Kodak HD Power flash กันมาแล้ว วันนี้ผมมีอีกยี่ห้อนึงมาแนะนำครับ พี่เค้าคือ Polaroid
POLAROID FUN SHOOTER ONE TIME USE CAMERA
ชื่อพี่แกมาอย่างยาว ผมย่อให้ละกันครับ เรียก Polaroid Fun Shooter ละกันครับ ทีนี้มาดู Spec กันก่อน
- ISO 400
- ถ่ายได้ 27 ภาพ
- ระยะโฟกัสเริ่มที่ 1.2 เมตร แปลว่าถ้าเราเอื้อมมือไปแตะโดนอะไร วัตถุนั้นจะหลุดโฟกัส ให้ถอยหลังออกมาซักหน่อย
- มีแฟลช ซึ่งระยะทำการเริ่มตั้งแต่ 1.2 เมตร ถึงประมาณ 3 เมตร
- ระยะ f stop และ speed shutter อันนี้ไม่แน่ใจครับ ผู้รู้บางท่านบอกว่าประมาณ f 9, 1/125 ซึ่งผมว่ายังไงก็คงหนีไม่พ้นเรื่องต้องถ่ายในที่แสงเยอะๆถึงจะดีเป็นแน่
มาดูหน้าตากัน แพ็คเกจ ดึงดูดกระเป๋าตังมากๆครับ
ในส่วนของด้านหน้ากล้อง จะเห็นตัวเปิดปิดแฟลชอยู่ด้านนี้ ชอบแฟลชแบบนี้ครับทำงานตรงไปตรงมา ถ้าปิดคือปิดจริงๆ ไม่เหมือนของ Kodak ที่เป็นปุ่มกด เวลาปิดแฟลชจะยังยิงได้อยู่จนกว่าจะทิ้งไว้ระยะนึงแฟลชถึงจะหยุดทำงานจริงๆ
ในส่วนของด้านหลัง ก็จะมีช่องมองภาพ, ไฟดวงเล็กๆแสดงสถานะแฟลชทำงาน (ด้านซ้ายของช่องมองภาพ) , แป้นหมุนสำหรับเลื่อนฟิล์ม, และที่สำคัญคือมีคู่มือการใช้งานง่ายๆอยู่ที่ด้านนี้ครับ
ที่ด้านบน มีปุ่มชัตเตอร์ ช่องบอกจำนวนฟิล์มที่เหลือครับ (ดันลืมถ่าย)
วิธีใช้งาน
ง่ายมากๆครับ
1. หมุนแป้นเลื่อนฟิล์มสีเทาที่ด้านหลังกล้องจนมันหยุด
2. เล็งในช่องมองภาพ
3. กดชัตเตอร์
จบ ง่าย แค่นี้จริงๆ
แต่ในส่วนของการใช้งานจริง มีข้อมูลการใช้ประมาณนี้ครับ
- เนื่องจากเป็นกล้องที่ปรับแต่งหรือตั้งค่าการถ่ายอะไรไม่ได้เลย ผู้ผลิตเลยมักจะทำให้กล้องมีค่า f stop และ Speed Shutter ที่ล็อคเอาไว้ให้เหมาะกับการถ่ายภาพทั่วๆไปในสภาพที่มีแสงสว่างพอเพียง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้คือควรใช้กล้องตัวนี้กับสถานที่ที่มีแสงสว่างมากๆเช่นภายนอกอาคาร สถานที่กลางแจ้ง สวน ทะเล ภูเขา อะไรประมาณนั้น
- ถ้าจำเป็นที่จะต้องถ่ายในร่ม ในอาคาร หรือช่วงเวลาเย็นหรือกลางคืน ได้โปรดเปิดแฟลชเถิดครับ ไม่งั้นมีมืดตึ้บแน่ๆ
โอเคครับ เอาพอประมาณ ลองมาดูภาพกันก่อนดีกว่า ต้องขอบอกเลยว่างวดนี้ตอนได้กล้องมา ประเทศไทยของเรากำลังอยู่ในเข้าสู่หน้าฝนครับ มืดครึ้ม ฟ้าหม่น แดดเปรี้ยงๆแค่ช่วงกลางวัน สภาพอากาศโคตรค้านกับความต้องการของกล้องเลย แต่ยังไงแล้วก็ไม่ได้แปลว่ากล้องมันจะใช้ไม่ได้ครับ
อ่อลืมบอกไปว่า เวลาเรามองในช่องมองภาพจะได้มุมมองประมาณนี้นะครับ จะบอกว่าภาพที่ออกมาจริงๆจะกว้างกว่าที่เห็นพอสมควร เพราะฉะนั้นต้องเผื่อๆตอนจัดองค์ประกอบนิดนึงครับ
โอเคลุยกัน
เริ่มต้นกันที่สภาพแสงสว่างแบบ สว่างแต่ครึ้มๆหน่อยก่อนครับ
ถ้าสังเกตจะเห็นว่าอะไรที่เป็นเส้นตรงจะบิดๆหน่อยครับ น่าจะเป็นผลมาจากเลนส์ แต่ไม่ซีเรียสครับ เพราะกล้องไม่ได้เน้นคุณภาพอะไรมาก คือเน้นเรื่องใช้งานง่ายๆให้ได้ภาพครับ แต่สีที่ได้ก็สดดีอยู่นา
เที่ยงตรง ฟ้าหม่นสุดๆ T__T
สีสันก็จะได้มาประมาณนี้นะครับ มีบางช่วงได้แดดดีดี ได้สีสดสด ภาพก็ออกมาใช้ได้เลยครับ
อันนี้ลองในระยะโฟกัส ประมาณ 0.90- 1.20 เมตรครับ อาจจะมากกว่านิดหน่อย
ต่อไปขอลองในสถานที่ที่เริ่มมีแสงน้อยบ้างครับ อันนี้แบบไม่เปิดแฟลชนะครับ
เข้าร่มแสงรำไร
เนี่ยครับ ถ้าเข้าร่มไม่เปิดแฟลช และแสงธรรมชาติมีน้อยมากๆภาพก็จะหนักไปทางมืดๆเลย
คำถามคือแล้วถ้าเราเปิดแฟลชจะเป็นยังไง
ถ้าตรงนั้นมืดๆ และไม่มีแสงจากฉากหลังมาเสริมให้ Background มันสว่างขึ้น แล้วเราเปิดแฟลช แสงแฟลชก็จะครอบคลุมระยะแค่ตัวแบบครับ ส่งผลให้ฉากหลังมืดตึ้บ และภาพจะดูแข็งๆหน่อย แต่รับรองว่าได้ภาพที่ดีกว่าไม่เปิดแฟลชแน่นอนครับ
ก็มีประมาณนี้นะครับ จบม้วนนี้ผมได้ภาพมา ประมาณ 28 ภาพ ก็โอเคเลย แต่แหม่ถ้าอัดมาให้เป็น 39 ภาพไปเลยจะสะใจมากๆครับ
สรุปแบบบ้านบ้านกันจ้า
ในเรื่องของความคมชัด ผมว่าก็ตามระดับของเลนส์ติดกล้องง่ายๆราคาไม่แพงครับ มีความคมชัดที่ใช้ได้ถ้าอยู่ในระยะโฟกัสตาม Spec ครับ ถ้าถ่ายภาพหมู่หลายๆคน น่าจะโอเคเลย
ในเรื่องของสีสัน ผมว่าก็ให้สีสันที่สดอยู่นะครับ เพราะว่าฟิล์มยังใหม่ๆอยู่ และถ้าได้แสงสว่างดีๆ ผมว่ากล้องตัวนี้ถ่ายทอดสีออกมาได้ดีเลยทีเดียว
ในเรื่องของการใช้งานในหลายๆสภาพแสง ผมว่าไม่ต่างจากกล้องค่ายอื่นครับ คือมันต้องการแสงสว่างที่มากๆ ถ้าอยู่ในร่มมีแสงธรรมชาติเข้ามาเยอะๆ ก็ยังรอดอยู่ แต่ถ้าเข้าร่มแล้วต้องเปิดดวงไฟในอาคารเมื่อไหร่ เตรียมตัวมืดตึ้บได้เลยครับถ้าไม่เปิดแฟลช
เรื่องการพกพา เรียกว่าสบายสุดๆครับ เบาและเล็กมาก ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วไม่รู้สึกว่ามันเป็นภาระในการเดินเลย
เรื่องการใช้งาน ก็ง่ายสุดๆไม่ต้องตั้งค่าอะไรเลย เล็งแล้วกดลูกเดียว
เรื่องราคา ตอนนี้อยู่ที่ 270-280 บาทครับ (พค. 2561) ก็ต้องบอกว่าราคานี้ถูกกว่าฟิล์มเปล่าๆบางรุ่นอีก ๕๕๕๕
ในส่วนของการเอาฟิล์มไปล้างนะครับ ก็ล้างได้ตามปกติ เหมือนฟิล์มทั่วไปครับ แต่อาจจะเพิ่มขั้นตอนการเอาฟิล์มออกจากกล้องนิดหน่อย คือถ้าเราถ่ายจนหมด 27 รูปแล้ว ให้สังเกตว่าตัวเลื่อนฟิล์มสีเทา จะเลื่อนได้แบบฟรียาวๆเลยครับ
ในส่วนขั้นตอนการเอากลักฟิล์มออกมาก็ไม่ยากครับ หาอะไรมางัดที่ด้านล่างกล้อง แล้วเปิดฝาออกก็จะเจอกลักฟิล์มแล้วครับ
กล้องตัวนี้เหมือนกล้องใช้แล้วทิ้งทั่วๆไปครับคือไม่ต้องกรอฟิล์ม ถ่ายหมดก็คือเสร็จเลย ฟิล์มจะเข้าไปอยู่ในกลักทั้งหมดเรียบร้อย พร้อมให้เราเอาไปล้างได้เลย แต่ถ้าใครงัดไม่ออกหรือกลัวมือจะแหก ก็เอาไปให้ร้านล้างฟิล์มเค้างัดให้ได้นะครับ และถ้าจะเก็บกล้องไว้เป็นที่ระลึก ก็อย่าลืมขอเค้ากลับมาด้วยนะครับ สวยดีออก
เอ่อแต่กล้องแบบนี้ไม่สามารถเอาฟิล์มมาใส่ถ่ายใหม่ได้นะครับ เราเลยเรียกชื่อมันเล่นๆว่ากล้องใช้แล้วทิ้ง (มีกล้องประเภทนี้ของ Lomography ที่สามารถนำฟิล์มมาใส่ใหม่ได้ครับแต่ราคาก็แรงเอาการ)
แต่สำหรับท่านที่จะเก็บกล้องที่ใช้เสร็จแล้วไว้เป็นที่ระลึกนั้น ต้องสัญญาก่อนนะครับว่าจะ "ไม่แงะ" เครื่องในมันออกมาดูเด็ดขาด ที่เตือนเพราะผมเคยลองมาแล้วครับ ด้านในกล้องแบบนี้มีถ่านที่ให้กำลังไฟกล้องและแฟลช ซึ่งสูงพอที่จะดูดมือคุณให้เจ็บได้ครับ ผมโดนมาแล้วทุกรอบที่แกะ คือเรียกว่าระวังก็ยังโดน
โอเคครับวันนี้ผมโชคดีที่ไม่ได้แงะกล้อง และก็ขอจบการรีวิวเจ้ากล้อง Polaroid Fun Shooter ตัวนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ คราวหน้าวันไหนที่แสงสวยๆอากาศดีๆ ก็อยากจะเอาเจ้านี่ไปลองถ่ายอีกซักทีนะครับ
โน้ต อะฟิล์ม