ที่ว่าไม่เคยตาย ไม่ได้เกริ่นกันแบบเวอร์ๆนะครับ แต่เป็นฟิล์มเจ้านึงของออสเตรเลีย FilmNeverDie.com เค้ามีโปรเจคทำฟิล์มใหม่ขึ้นมารุ่นนึงชื่อว่า IRO200 แล้วเปิด Preoder ไปแถวๆต้นเดือน พย 60. ไม่รู้สิครับพอเห็นกล่องแปลกๆสีเหลืองๆมาแบบนี้มือมันจะสั่นๆหน่อยครับ ไปดูกันว่าจะเป็นยังไงบ้างครับ
FILMNEVERDIE IRO 200
หลังจากที่มีฟิล์ม Sunny 16 กล่องน้ำเงินๆ จากแดนจิงโจ้เข้ามาโชว์ตัวในเมืองไทยกันแล้ว ตอนนี้ถึงตารุ่นน้องจิงโจ้ตัวเล็กจากค่าย FilmNeverDie บ้าง มาครับมาดูกัน
ฟิล์มตัวนี้เป็นฟิล์มสี iso 200. ถ่ายได้ 27 ภาพ (มาซะไกลให้ซะน้อย) ราคาตอน preorder 5 เหรียญออส. ตอนนี้เปิดขายแล้วราคาขยับเป็น 8 เหรียญออส. เชร็ดดดด
การรีวิวแบบบ้านๆนี้ผมถ่ายอยู่ 3 วันครับ รายละเอียดและผลลัพธ์อาจจะยังไม่ชัวร์นะครับเพราะถ่ายไปม้วนเดียวเอง
จัดหัวม้วนด้วยหัวหมาก่อนเลย
วันแรกแดดดีมากๆครับ แต่ส่วนใหญ่ดันถ่ายในที่ร่มซะมากกว่า โธ่ถัง
เอ๊ะแต่สีสวยดีนะแสงสว่างๆนั่งในร่ม เงาซอฟๆ
รูปเก้าอี้ในสวนรูปนี้ดูแว่บแรก ทำไมเหมือนไฟล์จากกล้องดิจิตอลจัง
รู้สึกเลยว่าถ่ายแสงในร่ม “สีแดง” เด้งมากมากอะโหยย
นี่เป็นรูปเดียวเลยครับที่ถ่ายกลางแจ้งในวันที่แดดดีมากๆ ดูแล้วทำไมรู้สึกนึกถึง ฟิล์ม Tudor มีความสีแห้งๆเท่ๆ
ส่วนที่ที่แสงน้อยๆมือนิ่งๆ iso 200 ก็พอจะเอาอยู่ครับ สีสวยดีจัง
ภาพนี่นั่งในร้านกาแฟสีเรียบๆ หันไปเห็นกาดริปสีสดๆต้องลองหน่อย ออกมาแล้วสีสวยดีจริงๆครับ
หลังจากที่ถ่ายไปได้แค่ครึ่งม้วนก็มีอาการอยากเห็นรูปจากฟิล์มใหม่ เลยหาเรื่องออกจากบ้านไปสถานี BTS สยาม แล้วออกเดินตรงขึ้นไปทางเสาชิงช้า ระยะทางเดินเพลินๆไม่กี่กิโลเอง อากาศไม่ร้อนด้วย…..ใช่อากาศไม่ร้อน เพราะวันนี้เงยหน้ามาเมฆนี่ครึ้มมาเลยและครึ้มทั้งวันด้วย ทำไงอ่ะมาแล้วก็ต้องไปต่อ
กทม. เป็นเมืองที่มีสถานที่ดีดีเยอะเลยนะครับ ในวันที่ไม่ต้องคิดมากเดินเพลินๆจะมีอะไรให้ดูให้ถ่ายเยอะเลย. ถ่ายไปถ่ายมาเพลินๆรู้ตัวอีกทีก็เดินตามฝรั่งเข้ามาในวัดสระเกศแล้วครับ มองเห็นภูเขาทองตั้งตระหง่านแบบนี้ต้องเดินขึ้นไปดูหน่อยแล้ว
เดินมาหลายกิโลแล้วเดินขึ้นบันไดต่อเนื่องหลายขั้นนี่มันเหนื่อยนะครับ. พอถึงด้านบนจะเจอกับบันไดเดินต่ออีกนิดเขียนป้ายแปะไว้ว่า “ทางขึ้นสวรรค์” แล้วพอเดินขึ้นมาก็เจอสวรรค์จริงๆครับ วิวด้านบนสวยมาก หายเหนื่อยเลย แต่เสียดายอยู่ตรงฟ้าไม่เปิด ถ่ายรูปออกมาได้ประมาณนี้ครับ ผมมีความรู้สึกว่าสีสันของฟิล์มรุ่นนี้มีความคล้ายๆกับฟิล์ม Agfa เลยครับ
เดินต่ออีกหน่อยพบกับวัดราชนัดดา และมองไกลๆที่เด่นๆอยู่ด้านหลังคือ โลหะปราสาท เป็นสถานที่ที่อยากเข้ามานานแล้ว วันนี้สมดั่งใจซักที
เดินขึ้นอีกแล้วครับพี่น้องวิวสวยแต่ไม่สูงเท่าภูเขาทอง
จากนั้นก็ลงมาถ่ายรูปที่ลานด้านล่างต่อ แชะ……อ้าวเฮ้ย
ฟิล์มเพิ่งขึ้นเลข 24 ทำไมขึ้นฟิล์มต่อไม่ได้ซะแล้ว ฟิล์มมี 27 ถ่ายหัวม้วนทิ้งไปนิดเดียวเอง….. หมดละ.
โอเคฟิล์มหมด กลับบ้านไปหาร้านล้างฟิล์มดีกว่า แต่จากตรงนี้ถ้าเดินกลับก็อีกหลายกิโล ขาเริ่มแข็งๆ แล้วด้วย พอดีตอนนั้นตาหันไปเห็นเรือตรงคลองมหานาค เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าสามารถนั่งไปลงที่สะพานหัวช้างได้ เดินอีกนิดก็ถึงสยามแล้ว ราคาค่าโดยสาร 9 บาทถ้วนประหยัดคุ้ม เก็บตังไปล้างฟิล์มดีกว่า นั่งเรือมาถึงท่าสะพานหัวช้าง อ้าวนั่น…..ผมหันไปเห็นร้านล้างฟิล์มที่เพิ่งเปิดใหม่ ร้าน Lert’s ดีใจมาก เออใช่เค้าเปิดตรงนี้นี่หว่า ล้างเลยยย
ถึงหน้าร้าน…..ปิด……ลืมไปร้านเค้าหยุดทุกวันอังคาร ไม่เป็นไรเข้าสยาามขับรถต่อไปลาดพร้าว 80 ไปร้าน Positive Lab ก็ได้. นั่งรอครึ่งชม. ได้ภาพสแกนออกมาเรียบร้อย เลยถือโอกาสนับจำนวนรูปในฟิล์ม
1.. 2 ..3 ….. 26 รวมหัวม้วนที่ถ่ายหัวหมาไปด้วย ได้ 26 รูป แหม่ น่าจะได้อีกนิด
สรุป. เท่าที่ลองใช้มา 1 ม้วนถ้วนนะครับ ผมคิดว่าเป็นฟิล์มที่ถ่ายในที่ร่มหรือภายในอาคารออกมาสีสวยดีครับ ส่วนถ่ายภายนอกอาคารจะอมเหลืองอ่อนๆ แต่เพื่อความชัวร์ต้องขอลองอีกม้วนนะครับ เพราะสภาพอากาศที่ถ่ายมาแสงไม่ดีเอาเสียเลยในวันที่ 2 กับ 3
ผมจำได้ว่ามีพี่ท่านนึงเคยกล่าวว่าการถ่ายรูปนั้น ภาพที่ออกมา มี”ธรรมชาติถือหุ้นอยู่ 99%” ผมว่าจริงมากมายครับ
โอเคครับต้องขอจบการรีวิวแบบบ้านๆลงเพียงเท่านี้นะครับ ยังไงใครสนใจก็ลองหาเจ้าฟิล์ม FilmNeverDie IRO200 นี้มาลองดูกันนะครับผม ในส่วนของข้อมูลถ้ามีอะไรผิดพลาดไปต้องขออภัยด้วยครับผม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันครับ
โน้ต อะฟิล์ม
very nice blog
af62fod23441k83b