เอาแบบทื่อๆตรงๆกันเลยนะครับ ผมถ่ายภาพจากฟิล์มหนังมาประมาณ 3-4 ม้วนเอง เลยยังไม่สามารถอธิบายได้ชัดๆว่าฟิล์มหนังมันต่างจากฟิล์มที่เราใช้ถ่ายทั่วไปยังไง คือพอจะเข้าใจความรู้สึกของภาพ แต่อธิบายมาเป็นคำพูดไม่ได้ เอาเป็นว่าลองดูนะครับ ว่าเจ้าฟิล์มหนังม้วนนี้จะอธิบายภาพให้ทุกท่านทราบแทนผมได้ไหม
CINESTILL 50D
ผมลองหาข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้ความมาประมาณนึง ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าอาจจะมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนหรือไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะว่า ข้อมูลที่เราหามาบางทีก็ไม่ตรงกันเอง เพราะฉะนั้นเอาเป็นว่าในส่วนของทฤษฎีต่างๆผมจะขอไม่เน้นมากนะครับ เอาความรู้สึกของภาพไว้ก่อนแล้วกัน
ฟิล์มหนังที่หาข้อมูลได้ก็คือฟิล์มที่ใช้ถ่ายภาพยนตร์ โดยจะมาเป็น roll ใหญ่ๆเลย ก็จะมีหลักๆคือ Kodak และ Fuji ปัจจุบันสามารถนำมาโหลดแบ่งลงในกลักฟิล์มขนาด 135 ที่เราใช้กันบ่อยๆได้ การใช้งานก็จะเหมือนๆกับฟิล์มทั่วไป แต่จะต่างกันนิดนึงในขั้นตอนของการล้างรูป ฟิล์มหนังจะมีสารคาร์บอนเคลือบที่ผิวฟิล์มอยู่เพื่อช่วยให้มันวิ่งเร็วขึ้นในตอนที่ใช้ถ่ายหนัง ซึ่งในขั้นตอนการล้างนั้น เราต้องล้างเจ้าคาร์บอนนี้ออกก่อนนะครับถึงจะใช้น้ำยา C-41 (น้ำยาล้างฟิล์มสี) มาล้างได้ นั่นทำให้เวลาเราเอาฟิล์มหนังไปล้างต้องบอกที่ร้านเค้าด้วยว่านี่คือฟิล์มหนัง เพื่อที่ช่างจะได้ล้างคาร์บอนออกให้ก่อน และนั่นเองทำให้ราคาค่าล้างก็จะแพงกว่าปกติด้วย แต่ข่าวดี ฟิล์ม CINESTILL เค้าเอาคาร์บอนดังกล่าวออกให้เราแล้วนะสามารถนำไปล้างด้วย C-41 ได้เลย
ที่นี้มาว่ากันที่ฟิล์มที่เราจะมาพูดถึงวันนี้ CINESTILL 50D เป็นฟิล์มของบริษัทนึงในอเมริกา ซึ่งเน้นการเอาฟิล์มหนังมาใช้ในการทำฟิล์มสำหรับถ่ายภาพนิ่ง เท่าๆที่เข้าไปดูเว็บมาก็ มีแล้วทั้งฟิล์ม 135 และ 120 ฟิล์มหลักๆก็จะเป็นฟิล์มสี และเห็นมีฟิล์มขาวดำด้วยนะ
CINESTILL มีสีของภาพหรือ White Balance 2 สี คือ
1. Daylight หรือแสงเวลากลางวัน ออกโทนอุ่น เหลืองๆขาวๆ คือรุ่น 50D กลักสีน้ำเงิน เหมาะแก่การถ่ายภาพกลางแจ้ง
2. Tungsten หรือแสงหลอดไฟประดิษฐ์ จะออกไปในสีอุ่นที่มีสีน้ำเงินมาแจม คือรุ่น 800T กลักสีแดง เหมาะแก่การถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย
เรื่อง Daylight และ Tungsten ถ้าเอาเรื่องอุณหภูมิสีตามทฤษฎี เค้าจะบอกว่า
D จะมีค่าแถวๆ 5500 k สีอยู่ระหว่างเย็นกับอุ่น คือฟ้า-ขาว-เหลืองอ่อนๆ
T มีค่าแถวๆ 3200 k จะออกมาทางเหลืองส้ม คือสีจะอุ่นกว่า
แต่ทีนี้ถ้าไปดู White Balance ในกล้องดิจิตอล เราจะรู้กันว่า ถ้าปรับเป็น Tungsten เมื่อไหร่ภาพเราจะออกโทนน้ำเงินแน่ๆ อันนี้แหละครับที่ผมยังสับสนอยู่
เอาเป็นว่าช่างมันก่อนมาดูเจ้า CINESTILL 50D ของเราวันนี้ดีกว่า ฟิล์มตัวนี้ iso 50 นะครับ เค้าบอกมาว่าให้เกรนภาพที่ละเอียดมากๆ และเราสามารถ พุชฟิล์มได้ แต่ผมขอถ่ายตรงๆที่ iso 50 ก็แล้วกันครับ
วันนี้ควง Olympus OM2 ใส่ฟิล์มตัวนี้พาไปเที่ยวอยุธยากันครับ
เค้าบอกว่าเหมาะกับการถ่ายภาพกลางแจ้งแต่มาถึงก็จัดในที่ร่มก่อนเลย iso 50 คุณพระ! สปีดชัตเตอร์น้อยนิดแน่นอน เลยต้องเน้นไปที่ f กว้างๆซะเป็นส่วนใหญ่ครับ อันนี้ร้าน Say cafe ฝั่งตรงข้ามวัดราชบูรณะ
สังเกตว่าถ่ายในร่มภาพจะติดอมเขียวนิดนึงครับ
ต่อไปออกแดดบ้าง ข้ามไปฝั่งวัดราชบูรณะ
โธ่พระปรางค์….ร้านสแกนมาไม่ครบแหว่ง สองรูปเลย
ถ่ายกลางแจ้งออกมาก็มีสีตรงดีครับถ้าถ่ายตามแสง แต่ถ้าย้อนแสงจะออกอมเขียวนิดๆ
ออกนอกเมืองอยุธยา มาสู่ร้าน The Wine ร้านอาหารริมน้ำ
ในที่แสงน้อยจะถ่ายค่อนข้างยากเลยทีเดียวครับเพราะว่าสปีดชัตเตอร์ต่ำมาก แต่ให้สีสันที่ผมว่าสวยสมจริงดีครับ และที่สำคัญ เกรนละเอียดเรียบดั่งคำล่ำลือจริงๆครับ
กลับ กทม.มาเที่ยวตลาดนัดจตุจักรในวันที่ไม่ Daylight เอาซะเลย ดูคล้ายฝนพร้อมจะตกได้ทุกเมื่อ
จะว่าไปก็สีสดดีนะครับ
โฟกัสเข้าบ้างไม่เข้าบ้างนะครับ แก่แล้ว
นั่นไงตกจนได้
สรุปคร่าวๆนะครับ หลังจากใช้งานมาม้วนเดียวอาจจะน้อยไปหน่อย แต่ก็พอให้เห็นภาพอยู่บ้าง ผมว่าฟิล์มหนังรุ่นนี้ เหมาะที่สุดกับวันที่แดดจัดๆหรือถ่ายในที่สว่างมากๆ เพราะว่ามี iso ค่อนข้างต่ำ ในเรื่องสีสันออกไปทางอุ่นๆ แต่ถ้าถ่ายในร่มหรือที่แสงน้อย ภาพจะออกอมเขียวนิดๆ ถ่ายกลางแจ้งที่แดดดีๆสีจะตรงดี เรื่องเกรนของเค้าละเอียดดีจริงครับ ในเรื่องของราคา อยู่แถวๆ 400 กว่าบาท ก็……แพงอยู่ครับ แต่ผมคิดว่าบริษัทผู้ผลิตเค้าก็คิดดีนะครับที่ยังรักในศิลปะแบบอนาล็อกนี้อยู่จนสร้างฟิล์มใหม่ๆออกมาเป็นทางเลือกเพิ่มขึ้นในยุคที่ฟิล์มเดิมๆทยอยปิดตัวลงไปทีละรุ่นสองรุ่น
ถ้าเทียบกับฟิล์มหนังที่ผมเคยใช้มา ส่วนตัวแล้วผมมองว่า CINESTILL 50D สีสันจะไม่ได้ออกไปทางสดๆฉูดฉาดมากนัก แต่จะให้สีกลางๆสบายตากว่าครับ
ยังไงมีโอกาสอยากจะลองเจ้านี่เพิ่มเติมนะครับ จะได้เข้าใจมันได้ดีขึ้น วันนี้ขอลาไปก่อนนะครับ ขอบคุณมากๆที่เข้ามาอ่านกันครับ
โน้ต อะฟิล์ม