สารภาพกันตามตรงว่าผมเคยหยิบฟิล์มผิดให้ลูกค้าอะฟิล์มมาแล้ว คือแบบ บรรจงลงถุงผนึกหนาแน่น แว้นไปส่ง ปณ. มารู้อีกที ตอนลูกค้ามาบอก ส่งผิดคิดตังคืนกันวุ่นวาย จะบอกว่าเจ้าฟิล์มตัวนั้นมันคือเจ้านี่แหละครับ Fujicolor 400 Japan เวอร์ชั่น
คือแบบมันเหมือนกันอย่างกะคู่แฝด ต่างกันแค่ตัวเลขแค่นั้นเอง ระหว่าง 400 เจแปน กับ 100 เจแปน
ดูสิครับ แหม่ !!!
FUJICOLOR 400 JAPAN
เอาล่ะ ถึงภายนอกจะเหมือนกันขนาดไหน มาลองดูข้างในกันบ้าง
Fujicolor 400 ตัวนี้เป็นรุ่นที่ผลิตในญี่ปุ่น และวางขายที่โน้น แต่ด้วยความที่ไม่รู้จะไปเปรียบเทียบกับรุ่นไหนของบ้านเรา ก็เอาเป็นว่าไม่ต้องเทียบซะเลย น่าใช้ละกันกล่องมันสวยดี! เหตุผลล้วนล้วน
ตอนที่ใช้ฟิล์มตัวนี้ครั้งแรก ตอนนั้นข้าพเจ้าวาร์ปไปเที่ยวทะเล แสงดีกันเลยทีเดียว รูปออกมาประมาณนี้ครับ
ลองคลิ้กวงกลมเพื่อดูรูปใหญ่ๆนะ
แล้วก็ได้ลองเอาไปถ่าย Interior ในร้านกาแฟสวยๆร้านนึง ที่มีแสงธรรมชาติค่อนข้างเยอะ แต่จำไม่ได้ล่ะว่าใช้โคมไฟอะไร รู้แต่สีออกมานี่ “อุ่น” กันเลยทีเดียว
ว่ากันตรงๆนะ ลองใช้ม้วนแรกก็ยังดูไม่ออกว่าสีสันมันต่างกับตัว 100 ขนาดไหน รู้แต่เออ ถ่ายในที่แสงน้อยๆแล้วต่างกันลิบลับ คือมีช่องว่างให้คนมือสั่นได้ยืนเพิ่มขึ้น สปีดชัตเตอร์เร็วว่าแน่นอนว่างั้น
ทิ้งช่วงไปเป็นปีๆกว่าจะได้มาลองอีกครั้ง ก็นู้นนนนนตอนลงไปเที่ยวปักษ์ใต้ช่วงสงกรานต์ปี 59 ตอนนั้นได้เจ้า 400 มาพอดี ไปดูกันว่าเป็นยังไง
รูปนี้ถ่ายที่เกาะพยาม ระนอง ตอนดูรูปครั้งแรก รู้สึกว่ามันเหมือนกับถ่ายด้วยฟิล์ม Tudor แฮะ
เออลืมก่อนข้ามไปเกาะพยามได้มีโอกาส พักที่รีสอร์ทนึง ชื่อ Blue Sky Resort ขอบอกเลยว่ามันแจ๋วมากถ้าเวลาเย็นของที่นี่มีกล้องฟิล์มติดตัว
ของเค้าดีครับ ไม่ได้ค่าเชียร์ แต่ผ่านไปอยากให้ไปโดนกัน
พอข้ามมาเกาะพยามก็ได้ลองกันมันส์เลยทีนี้
ยังอีก ยังไม่หมด
โดยรวมๆผมว่านะ ฟิล์มตัวนี้ถ่ายมาจะติดเขียวๆมาหน่อย ถ่ายกลางแจ้งมีโอกาส ออกซีดๆคล้ายแนว Tudor ถ่ายเย็นๆ แสงน้อยๆ ไว้ใจได้ โอกาสได้ภาพค่อนข้างสูงครับ และสุดท้ายผมว่า ฟิล์มตัวนี้ราคาไม่แพงเกินไป ทิ้งช่วงห่างราคากับ ตัว 100 ประมาณ 30 บาท (ราคาปัจจุบันแถวๆ 170 ครับ) อนาคตยังไว้ใจได้เพราะมีฟิล์มล็อตใหม่ๆออกมาตลอด คงยังไม่หายหน้าไปไหนครับ
สรุปว่า ยิ้มน้อยๆ ให้ 400 เจแปน ได้แน่นอนครับท่าน